ผู้สนับสนุน

วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สัญญาณควรจับตาระหว่างตั้งครรภ์

'กล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกายจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงไประหว่างที่คุณกำลังตั้งครรภ์' ด็อกเตอร์ Jenny Sutcliffe นักกายภาพบำบัด เจ้าของหนังสือ The Back Bible กล่าว 'กล้ามเนื้อช่วงหลังของคุณจะต้องรับหน้าที่หนักในการรองรับน้ำหนักของทารกที่เพิ่มขึ้นๆ และขนาดของหน้าอกที่เพิ่มขึ้นก็อาจเปลี่ยนจุดสมดุลของร่างกายไปได้' คุณอาจช่วยลดอาการปวดได้ด้วยการนอนหันข้าง โดยใช้หมอนรองใต้ท้อง ระวังเวลายกหรืองอตัว ออกกำลังกล้ามเนื้อเชิงกรานเป็นประจำ

'อาการหมดแรงและแพ้ท้องในช่วงที่เพิ่งตั้งครรภ์แรกๆอาจทำให้แปลกใจได้ไม่น้อย' Zita West ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบสืบพันธุ์ ผู้เขียนหนังสือ Your Pregnancy Companion กล่าว 'ผู้หญิงหลายๆคนอาจมีปัญหาเรื่องการสื่อสารกับที่ทำงาน ในช่วงที่ยังตั้งครรภ์ไม่ถึง 12 สัปดาห์ ซึ่งเป็นเวลาที่ร่างกายของผู้หญิงกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก และพวกเธออาจจะไม่ได้รับการสนับสนุนที่ดีพอจากที่ทำงาน จนกว่าคนอื่นๆจะรู้ว่าเธอตั้งครรภ์'

อาการอยากกินอาหารชนิดนั้นชนิดนี้ขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยอาจจะดูไม่ค่อยเหมาะสมกับคนตั้งครรภ์เท่าไหร่นัก แต่ว่าที่คุณแม่หลายๆคนก็ต้องเผชิญกับอาการที่จู่ๆก็เกิดอยากกินมันฝรั่งขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล ซึ่งอาการแบบนี้นี่เองที่เป็นสัญญาณบอกว่าคุณอาจจะท้องก็ได้ 'ผู้หญิงหลายๆคนจะเกิดอาการอยากกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงในช่วงแรกเริ่มของการตั้งครรภ์' Zita West กล่าว 'หรือหากจู่ๆน้ำหนักก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นก็เป็นสัญญาณว่าคุณอาจจะกำลังเข้าสู่ช่วงแรกของการตั้งครรภ์ก็ได้'

'ระหว่างที่ตั้งครรภ์ จะมีสารฮอร์โมนชนิดหนึ่งชื่อว่า รีแลกซิน อยู่ในร่างกาย' ด็อกเตอร์ Sutcliffe กล่าว มันถูกสังเคราะห์ขึ้นภายในรก มีผลทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นผ่อนคลายเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการคลอด 'ผู้หญิงบางคนอาจจะมีอาการเจ็บปวดที่บริเวณเชิงกรานหรือสะโพกระหว่างตั้งครรภ์ หรือในช่วงใกล้คลอด' เพื่อลดอาการปวดดังกล่าว ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการนั่งหลังงอและยกของหนัก และถ้าเป็นไปได้ หลังจากคลอดบุตรแล้วก็ควรไปเข้าร่วมคลาสบริหารกล้ามเนื้อด้วย


คุณแม่บางคนอาจต้องเผชิญกับอาการแพ้ท้องและอาเจียนในช่วงแรกๆของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรก 'ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าอะไรคือสาเหตุของอาการแพ้ท้อง แต่คาดกันว่าความเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างที่ร่างกายต้องเผชิญทำให้ฮอร์โมนขาดสมดุลไป' เจน มันโร นางพยาบาลผดุงครรภ์ประจำวิทยาลัยรอยัลคอลเลจในอังกฤษมากว่า 20 ปีกล่าว 'อาหารบางชนิดอาจทำให้คุณรู้สึกแพ้ท้องมากขึ้นได้ รวมทั้งเสื้อผ้าที่คับแน่นจนเกินไป หากคุณกินอาหารน้อยๆแต่บ่อยๆ จะช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องลงได้'


หนึ่งในฮอร์โมนที่พุ่งพล่านที่สุดในช่วงของการตั้งครรภ์ก็คือ โปรเจสเตอโรน เป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ปั่นป่วนระบบย่อยอาหารให้คุณท้องผูกได้ 'คุณอาจจะบรรเทาอาการนี้ลงได้บ้างด้วยการกินอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผักผลไม้สด และดื่มน้ำให้มากๆ' เจน มันโรกล่าว ลองปรึกษาแพทย์หรือพยาบาลก่อนเลือกใช้ยาระบาย

ไม่แปลกถ้าสีผิวพรรณของว่าที่คุณแม่จะเปลี่ยนไประหว่างช่วงที่ตั้งครรภ์ บางคนอาจจะมีลายเส้นคล้ำๆที่ลากยาวตั้งแต่ท้องน้อยผ่านแนวสะดือขึ้นไปถึงช่วงอก บางคนอาจจะสังเกตได้ว่าผิวบริเวณรอบดวงตา, จมูก และแก้ม นั้นดูคล้ำลงไปบ้าง และการที่มีฮอร์โมนเพศหญิงพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลัน ก็อาจทำให้เกิดผื่นคันหรือจุดแดงๆขึ้นตามผิวหนังได้


'ความคิดที่ว่าผู้หญิงท้องจะขี้ลืมและซุ่มซ่ามมากว่าคนทั่วไป เป็นเพียงแค่สิ่งที่คนพูดต่อๆกันมาเท่านั้น' เจน มันโรกล่าว 'เวลาที่คุณเหนื่อยหรือใส่ใจกับลูกของคุณเป็นพิเศษ คุณก็จะไม่มีเวลาไปใส่ใจกับเรื่องอื่นๆเท่าไหร่นัก แต่งานวิจัยก็ได้ชี้แล้วว่าการตั้งครรภ์ไม่ได้ส่งผลให้เกิดปัญหาในการรับรู้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวเลย'

ผู้หญิงหลายๆคนจะมีขนาดของหน้าอกที่ใหญ่ขึ้นหลายคัพระหว่างตั้งครรภ์ การขยายขนาดมักจะเกิดขึ้นในช่วง 6 - 8 สัปดาห์แรก และต่อไปเรื่อยๆตลอดการช่วงครรภ์ และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากยอดอกของผู้หญิงจะเกิดการเปลี่ยนสีไปบ้าง อีกทั้งเส้นเลือดใต้ผิวหนังก็จะขยายจนเห็นเด่นชัดมากขึ้นและอาจทำให้รู้สึกเจ็บได้บ้างเป็นบางครั้ง ผมของคุณก็จะหนาและเงางามขึ้น เช่นเดียวกับเล็บที่จะยาวเร็วขึ้นด้วย ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากปริมาณฮอร์โมนเพศหญิงที่พุ่งสูงขึ้นนั่นเอง


อาการจุกเสียดท้องมักจะเกิดกับคนตั้งครรภ์ด้วยเช่นกัน สาเหตุสำคัญมาจากการเจริญของทารกในครรภ์ซึ่งทำให้ช่องท้องแน่นขึ้น ในขณะที่ปริมาณของสารฮอร์โมนทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายลง เพราะเมื่อกล้ามเนื้อหูรูดกระเพาะอาหารผ่อนคลาย มันจะทำให้กรดสามารถไหลย้อนขึ้นมาจนทำให้เกิดอาการจุกเสียด พยายามลดอาหารที่มีรสเผ็ดจัด ช่วยลดทั้งอาการจุกเสียดและท้องอืดที่ว่าที่คุณแม่อาจจะต้องเผชิญได้