ผู้สนับสนุน

วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ลงโทษอย่างไรให้ลูกหายดื้อ แต่ทำไมยิ่งทำโทษลูกยิ่งดื้อ!?!

เด็กจะได้ดีต้องถูกพ่อแม่ตีและเลี้ยงดูอย่างเข้มงวดจริงเหรอ จะเลี้ยงลูกให้เป็นคนเข้มแข็งต้องให้รูปจักความเจ็บปวดจริงไหม ลูกทำผิดก็ต้องทำโทษถูกต้องแล้วหรือไม่ แต่สังเกตไหมยิ่งทำโทษลูกมากเท่าไร ลูกยิ่งดื้อมากขึ้นเท่านั้น เพราะอะไร ความจริงแล้วการทำโทษส่งผลร้ายหรือให้ผลดีกันแน่ มาร่วมหาคำตอบไปพร้อมกัน

ลงโทษอย่างไรให้ลูกหายดื้อ
เรามีความเชื่อกันมานานว่า หากอยากให้ลูกเป็นเด็กดีต้องอบรมและสั่งสอน สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้พฤติกรรมของลูกอยู่ใน “กรอบ” ที่งดงาม รู้จักรักษากฏเกณฑ์ก็คือการทำโทษเมื่อลูกทำผิด ให้รู้จักสำนึกและเรียนรู้จากความผิดพลาด พ่อแม่หลายคนยังเชื่อว่าการตีลูกคือการปลูกฝังจิตสำนึกให้ลูกรู้จักกลัวเกรง เข็ดขยาด จนไม่กล้าทำความผิดเดิมซ้ำอีก และยังมีพ่อแม่หลายคนเชื่อว่าการลงโทษโดยการสร้างความเจ็บปวดให้ลูกคือสิ่งที่ควรทำ เพราะในความเจ็บปวดนั้นคือบทเรียนเพื่อเรียนรู้ที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง แล้วแบบนี้ถ้าลูกดื้อพ่อแม่ควร ลงโทษอย่างไรให้ลูกหายดื้อ
หลายคนมองว่าการลงโทษด้วยการตีนั้นโหดร้ายกับเด็กมากเกินไป จึงหันมาใช้วิธีทีนุ่มนวลกว่า ทันสมัยกว่าด้วยการ Time Outs หรือการให้ลูกไปอยู่คนเดียวเพื่อสงบสติอารมณ์และทบทวนความผิดของตัวเองให้ได้ หรือที่ล้ำสมัยไปกว่านั้นคือการทำโทษแบบ Consequences หรือการทำโทษแบบยอมรับผลกรรมที่ทำเช่น ถ้าลูกปัดน้ำหก ก็สั่งให้ลูกหาผ้ามาเช็ด และเติมน้ำให้เต็มแก้วเหมือนเดิม เพราะเชื่อว่าเป็นวิธีที่ดีกว่าเพราะไม้ได้ใช้ความรุนแรง ลูกไม่เจ็บ พ่อแม่ไม่ต้องใช้กำลัง
แต่สังเกตไหมว่ายิ่งเราทำโทษมากขึ้นเท่าไร ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ลูกก็จะยิ่งต่อต้านและก้าวร้าวมากขึ้น ไม่ก้าวร้าวที่บ้านแต่ไปก้าวร้าวกับคนอื่นนอกบ้าน ในทางจิตวิทยาให้ข้อมูลว่า การทำโทษเด็กด้วยวิธีต่างๆ นอกจากทำให้ลูกเจ็บที่ร่างกายแล้วยังสร้างบาดแผลให้จิตใจด้วย เด็กจะถูกทำโทษเมื่อทำผิด แต่พ่อแม่เคยถามตัวเองหรือไม่ว่าที่ทำโทษลูกนั้น เกิดขึ้นเพราะความรู้สึกไม่ชอบใจของตัวเองหรือลูกทำผิดจริงๆ เคยมองลงไปให้ชัดเจนหรือไม่ว่าการที่แสดงอาการไม่น่ารัก หมายความว่าลูกต้องการความช่วยเหลือ หรืออยากสื่อสารอะไรกับพ่อแม่กันแน่ 
แต่คำว่า “ความถูกต้อง” นั้นตัดสินด้วยอะไร ด้วยเหตุผลหรือความรู้สึกส่วนตัวเพราะการทำโทษคือการสร้างเงื่อนไขให้ความรัก สร้างกฏในการถูกรัก ยอมจำนนเพื่อให้เป็นที่รัก เหมือนเป็นสิ่งเตือนใจย้ำให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่คือผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าในทุกๆด้าน เมื่อถูกลงโทษลงเด็กจะเรียนรู้โดยอัตโนมัติว่าหากทำในสิ่งที่ไม่ถูกใจพ่อแม่ ตัวเองจะถูกทำโทษ ถ้าอยากให้พ่อแม่รักต้องทำในสิ่งที่พ่อแม่ชอบเท่านั้น ยอมรับคำสั่งแต่โดยดี แต่งตัวแบบที่พ่อแม่สั่ง ทำตามที่พ่อแม่บอก ทั้งๆที่ไม่ชอบ เมื่อทำเรื่องผิดพลาดที่เกิดจากการขาดทักษะบางอย่างก็จะไม่กล้าบอกพ่อแม่
มีรายงายการวิจัยพบว่าผลกระทบจากความรู้สึกเสียใจจากการถูกทำโทษของเด็กจะค่อยบั่นทอนความรู้สึกของเด็ก ค่อยๆกัดกินเหมือนโรคร้าย ทำให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าวมากขึ้น ความสามารถในการพึ่งพาตัวเอง หรือตัดสินในด้วยตัวเองลดลง ฯลฯ และงานวิจัยล่าสุดยังพบว่าพ่อแม่ที่ทำโทษลูกที่มักชอบแหกกฏ จะทำให้ลูกเพิ่มความรุนแรงในการทำผิดกฏมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อไม่ได้อยู่ที่บ้าน 

การทำโทษส่งผลเสียระยะยาวอย่างไรต่อเด็ก
จากการศึกษาและเก็บของมูลของจิตแพทย์ทำให้พบว่าการทำโทษทางร่างกายมีความเกี่ยวพันธุ์กับพฤติกรรมเชิงลบต่างๆ รวมไปถึง ทำให้กลายเป็นเด็กก้าวราว และต่อต้านสังคม และยังพบว่าเด็กที่ถูกทำโทษด้วยการตีบ่อยๆ จะมีเนื้อส่วนสีเทาในเปลือกของกลีบสมองส่วนหน้าผากน้อยกว่าคนทั่วไป ทำให้มีโอกาสเกิดอาการซึมเศร้า ติดยา และความผิดปรกติทางจิตได้มากกว่า

พ่อแม่หลายคนอาจบอกว่าไม่เคยทำโทษลูกด้วยการตี แต่หันมาใช้เทคนิคการลงโทษแบบสมัยใหม่ทั้งติดสินบน Time outs หรือการลงโทษแบบให้รับผลกรรม (Conseeuences) แทน แต่การทำโทษเหล่านี้คือการทำร้ายจิตใจ และบทสรุปสุดท้ายที่ให้ผลลัพธุ์ไม่ต่างจากการตีก็คือ เด็กถูกควบคุม และบังคับขืนใจนั่นเอง ทำให้เด็กรู้สึกถูกทอดทิ้งโดยเฉพาะช่วงเวลาที่ต้องการความรัก ความเข้าใจ และการให้อภัยจากพ่อแม่ที่สุด กลับถูกผลักไสให้สำนึกผิดเพียงลำพัง ถูกบังคับให้หาคำตอบในสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร ทำให้กลายเป็นเด็กที่ขาดความมั่นคงทางอารมณ์  เกิดความรู้สึกไม่พอใจพ่อแม่ และจะค่อยๆก่อตัวขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆจนทำให้ลูกเริ่มต่อต้าน บ่มเพาะจนกลายเป็นความเกลียดชังในสุด เมื่อถึงจุดหนึ่งลูกจะเลิกทำในสิ่งที่คุณอยากให้ทำ และไปเชื่อฟังคำพูดของคนอื่นอย่างเช่น เพื่อน หรือแฟนแทน
แล้วพ่อแม่ต้องทำอย่างไร
สิ่งที่พ่อแม่สมควรทำเพื่อลูกน้อยเป็นอย่างยิ่งคือ ต้องเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของลูก และยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น แสดงให้เห็นว่าคุณรักเขาในแบบที่เขาเป็นจริงๆ ไม่ใช่รักในสิ่งที่คุณบังคับให้ลูกเป็น เมื่อลูกทำผิด ควรหาสาเหตุว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะลูกอาจขาดทักษะด้านไหน หรือมียังมีอะไรไม่เข้าใจหรือไม่ และค่อยๆอธิบายสอนด้วยเหตุผล ใช้ความใจเย็น และทำให้ลูกรู้ว่าเขาหวังพึ่งพาคุณได้เสมอ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าเขาจะเป็นคนอย่างไร คุณพร้อมจะอยู่ข้างๆทุกเวลา และไม่ว่าความต้องการของลูกคืออะไรคุณก็พร้อมสนับสนุนทุกทาง เฝ้ามองลูกเติบโตด้วยตัวเองไม่ต้องเข้าไปคอยบงการ รักลูกในสิ่งที่เขาเป็น ยอมรับในสิ่งที่ลูกทำ คุณอาจไม่ใช่พ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบแต่เป็นแค่พ่อแม่ที่เข้าใจลูกที่สุด ก็พอแล้วค่ะ