ผู้สนับสนุน

พัฒนาการเด็กเล็ก

ผู้เขียนเปิดบล็อกนี้ เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงดูบุตรอย่างถูกวิธี สำหรับคุณแม่ที่มีความห่วงใยที่มีต่อคุณลูกและต้องการให้สิ่งที่ดีที่สุดต่อลูกรัก บทความภายในบล็อกเกิดจากการรวบรวมเนื้อหาสาระที่ดีมารวมกันไว้ที่เดี่ยวกัน

พัฒนาการเด็กเล็ก

ผู้เขียนเปิดบล็อกนี้ เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงดูบุตรอย่างถูกวิธี สำหรับคุณแม่ที่มีความห่วงใยที่มีต่อคุณลูกและต้องการให้สิ่งที่ดีที่สุดต่อลูกรัก บทความภายในบล็อกเกิดจากการรวบรวมเนื้อหาสาระที่ดีมารวมกันไว้ที่เดี่ยวกัน

พัฒนาการเด็กเล็ก

ผู้เขียนเปิดบล็อกนี้ เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงดูบุตรอย่างถูกวิธี สำหรับคุณแม่ที่มีความห่วงใยที่มีต่อคุณลูกและต้องการให้สิ่งที่ดีที่สุดต่อลูกรัก บทความภายในบล็อกเกิดจากการรวบรวมเนื้อหาสาระที่ดีมารวมกันไว้ที่เดี่ยวกัน

วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เคลียร์จมูกให้เบบี๋ ที่แม่มือใหม่ควรรู้

เคลียร์จมูกให้เบบี๋ แบบเรียนที่แม่มือใหม่ต้องรู้ (modernmom)
เรื่อง : โชติรส 

             น้ำมูกเป็นสิ่งอุดตันประเภทหนึ่งที่สร้างความรำคาญให้แก่ลูกน้อย ซึ่งมีผลทำให้เขาหายใจไม่สะดวก รู้สึกอึดอัดรวมทั้งนอนหลับไม่สนิท วันนี้เรามาหาวิธีช่วยเขากันค่ะ

             อยากให้เรานึกถึงตอนเราเป็นหวัดคัดจมูก มีน้ำมูกมาก ๆ ในรูจมูก ผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ สามารถออกแรงสั่งดังปี้ดป๊าดออกมาในกระดาษทิชชูได้ แต่เด็กทารกไม่สามารถทำได้อย่างนั้น เขาต้องอาศัยการดูแลและหวังให้คุณดูดน้ำมูกไปให้พ้นทางเดินหายใจ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากมากมายอะไรนัก เพราะเรากำลังจะบอกเทคนิควิธีง่าย ๆ ให้คุณไปเคลียร์จมูกน้อย ๆ ของเจ้าหนูกัน

บทที่ 1 ศึกษาการหายใจ

             ทารกแรกคลอดนั้นสามารถหายใจทางจมูกได้แล้ว แต่ทว่าเขายังหายใจทางปากไม่เป็น ดังนั้นเมื่อมีการอุดกั้นของน้ำมูกหรือขี้มูกแข็ง ๆ แล้ว ย่อมสร้างความอึดอัดแก่ลูกน้อยยิ่งนัก ซึ่งคุณอาจเคยได้ยินเวลาลูกน้อยหายใจมีเสียงดังฟืดฟาด หรือเสียงหายใจที่แรงขึ้นเช่นเดียวกับจมูกของผู้ใหญ่ค่ะ

             เราสามารถสังเกตง่าย ๆ คือ ลูกจะดูดนมได้น้อย ยอมดูดสักครู่แล้วก็จะโยเยตลอดการกินนม เนื่องจากเขาหายใจไม่ออกนั่นเอง และคุณแม่สามารถตรวจเช็กได้ง่าย ด้วยการเอาไฟฉายเล็ก ๆ ส่องเข้าไปดูในรูจมูก เพื่อดูว่ามีน้ำมูกหรือขี้มูกอุดตันหรือไม่ หรือให้คุณแม่เอาสำลีพันปลายไม้หลวม ๆ และยังใกล้ ๆ รูจมูกเพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวของสำลี ว่ามีลมหายใจผ่านหรือไม่ หายใจเบาหรือแรงเพียงใด

บทที่ 2 วิธีทำความสะอาด

             เมื่อลูกเกิดปัญหา หนทางแก้ไขนั้นไม่ยากเลย เพียงแค่แคะขี้มูกออกมา เจ้าหนูก็สามารถกินนมนอนหลับเป็นปกติแล้ว โดยมีหลากหลายวิธีให้คุณเลือกและสามารถปรับใช้ได้ทันที

สำลีพันปลายไม้

             ใช้สำลีพันปลายไม้ที่เตรียมขึ้นเอง เนื่องจากปลายไม้ปั่นหูขนาดปกติจะใหญ่เกินไปสำหรับรูจมูกเจ้าหนู ควรใช้ปลายไม้จิ้มฟันแบบไม่มีปลายแหลม พันสำลีให้พอเหมาะเพื่อไม่ให้ไม้ทำลายเยื่อบุจมูกของลูก ฃบีบสำลีให้แนบไม้มากที่สุด และพันให้เกินปลายไม้เล็กน้อยหรือใช้คัตตั้นบัตขนาดเล็ก จุ่มน้ำเกลือเพื่อเช็ดขี้มูกออกมา

หยดด้วยน้ำเกลือ

             ให้เจ้าหนูอยู่ในท่านอนหงาย นำหลอดฉีดยาแบบไม่มีเข็ม ดูดน้ำเกลือประมาณ 1-2 ซีซี แล้วบรรจงหยอดในจมูกข้างละ 3-5 หยด เพื่อให้น้ำเกลือชะความเหนียวของน้ำมูกออกมา เสร็จแล้วใช้ลูกยางบีบลมออกก่อน แล้วจ่อบริเวณรูจมูก จากนั้นปล่อยมือให้แรงลมดูดน้ำมูกออกมา จากนั้นบีบล้างน้ำมูกที่อยู่ในลูกยางลงในน้ำ แล้วเริ่มทำซ้ำอีกครั้ง หากลูกมีน้ำมูกบ่อยให้ทำเช้า-เย็น และก่อนนอน เพื่อลดการสะสมของน้ำมูก

 ดูดน้ำมูกด้วยอุปกรณ์เสริม

             ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันสร้างความสะดวกสบายให้แก่คุณแม่ โดยประดิษฐ์เครื่องดูดน้ำมูกแบบอัตโนมัติ และแบบพ่นน้ำเกลือเข้าไปในรูจมูก ซึ่งน้ำมูกก็จะค่อย ๆ ไหลออกมาเอง ทั้งนี้เครื่องมือทุกชนิดจะต้องใช้ร่วมกับน้ำเกลือ คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกใช้ได้ตามความพอใจ

 ดูดน้ำมูกด้วยปากคุณแม่

             วิธีโบราณที่ยังใช้ได้ทุกสมัย คือการใช้ปากของคุณแม่ ดูดน้ำมูกออกจากจมูกอันแสนบางของเจ้าหนูแล้วบ้วนทิ้ง ซึ่งคุณแม่จะสามารถควบคุมความแรงของการดูดได้ แต่ต้องระวังการติดเชื้อต่าง ๆ ด้วย

บทที่ 3 เรียนรู้อุปกรณ์

             ในฐานะพ่อแม่มือใหม่อย่างเราอาจจะคิดภาพไม่ออกว่าน้ำเกลือคืออะไร ใช้น้ำผสมเกลือหรือเปล่า วันนี้มีคำตอบให้คุณแม่ค่ะ

             น้ำเกลือสำหรับล้างจมูกลูกเป็นน้ำเกลือที่ฆ่าเชื้อแล้ว ไม่ใช่เอาน้ำกับเกลือที่มาผสมเองนะคะ น้ำเกลือที่จะเอามาล้างจมูกของลูกนี้ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ซึ่งมีทั้งชนิดที่ไว้สำหรับล้างคอนแทกเลนส์และล้างบาดแผล หลากหลายขนาด แนะนำว่าให้ซื้อขนาดเล็กก็เพียงพอแล้ว

             ส่วนลูกยางดูดน้ำมูกก็มีอยู่มากมายตามห้างสรรพสินค้า แผนกเครื่องใช้เด็ก สามารถซื้อได้ตามคุณสมบัติ ที่ระบุไว้ข้างกล่องได้เลย โดยต้องสังเกตที่ช่วงวัย วิธีการเก็บรักษา และวิธีทำความสะอาดด้วย

บทที่ 4 สิ่งที่ต้องระวัง

             คุณพ่อคุณแม่อาจจะเคยชินกับการทำความสะอาดจมูกของตนเอง ด้วยการใช้นิ้วแคะแกะเกา แต่สำหรับจมูกของลูกน้อยแล้ว ไม่แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ใช้นิ้วของตนเองไปแคะ หรือแกะภายในโพรงจมูกของลูก เพราะนอกจากนิ้วคุณจะใหญ่กว่ารูจมูกของลูกมากแล้ว เรายังมีเล็บที่คม โดยอาจจะขีดข่วนเยื่อบุโพรงจมูกของลูกน้อยโดยไม่รู้ตัว

             นอกจากนั้น ยังต้องระวังการนำเอาวัสดุช่วยแคะทั้งหลายเข้าไปในรูจมูกลึกเกินไป อาจจะทำให้เจ้าหนูรู้สึกเจ็บ และเกิดบาดแผลขึ้นได้ ซึ่งตามจริงแล้วคุณควรใส่ลึกเข้าไปประมาณ 0.5 เซนติเมตรก็เพียงพอแล้ว

             เห็นไหมคะว่า วิธีการทำความสะอาด และดูดน้ำมูกให้ลูกค่อนข้างง่าย เมื่อคุณปฏิบัติตามแล้วลูกก็จะอารมณ์ดี ไม่โยเย เพราะทางเดินหายใจที่เคยอุดตันนั้นโล่งขึ้นด้วยฝีมือคุณพ่อและคุณแม่ค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก 
Modernmom
Vol.16 No.186 เมษายน 2554


วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

แตงโมคลายร้อน (Mother&Care) เพื่อลูกน้อย



แตงโมคลายร้อน (Mother&Care)

ส่วนผสม

เนื้อแตงโม 2 ถ้วยตวง

น้ำเชื่อม 1 ช้อนโต๊ะ

เกลือป่น ¼ ช้อนชา

น้ำแข็งป่น 1 ถ้วยตวง

วิธีทำ

ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงในโถปั่นน้ำผลไม้ จากนั้นจึงกดปั่นให้เป็นเนื้อเดียวกัน เทใส่แก้วพร้อมดื่มคลายร้อน


วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

มะเร็งเต้านม มียาฉีดป้องกัน ลดความเสี่ยงได้ 75%

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

           นักวิจัยสหรัฐฯ ทำการทดลองยาป้องกันโรคมะเร็งเต้านมในหนูได้สำเร็จ ลดความเสี่ยงได้ถึง 75% กำลังดำเนินการวิจัยพัฒนาต่อเพื่อใช้กับคนได้แน่

           เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2557 ว่า วารสาร Science Translational Medicine เผยแพร่ผลงานวิจัยที่น่าตื่นเต้น จากทีมวิจัยของดอกเตอร์ดอน อิงเบอร์ แห่งโรงเรียนการแพทย์ฮาร์วาร์ด สหรัฐฯ หลังทดสอบยาฉีดป้องกันโรคมะเร็งเต้านมในหนูได้ผลที่น่าพอใจ สามารถลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมชนิดเฉพาะที่ หรือ DCIS (ductal carcinoma in situ) ได้ถึง 75%

           สำหรับโรคมะเร็งเต้านมชนิดเฉพาะที่ หรือ DCIS นั้น เป็นโรคมะเร็งเต้านมชนิดที่มักไม่กระจายไปที่ต่อมน้ำเหลือง โดย 50% ของผู้ป่วยที่ตรวจพบเซลล์ผิดปกตินี้ มีโอกาสพัฒนาไปสู่มะเร็งเต้านมเต็มขั้นได้ แต่ถึงกระนั้นผู้ป่วยที่ตรวจพบในระยะเริ่มต้น ก็ไม่มีทางทราบได้แน่ชัดเลยว่า ตัวเองจะหายได้หรือจะก้าวเข้าสู่โรคมะเร็งเต็มขั้นกันแน่ หนทางที่ดีที่สุดจึงเป็นการกำจัดที่ตัวสาเหตุตั้งแต่แรกเริ่ม นอกจากนี้ โรคมะเร็งเต้านมชนิด DCIS ยังเป็นชนิดเดียวกับที่ดาราสาว แองเจลิน่า โจลี เป็น จนเธอได้ตัดสินใจตัดเต้านมทิ้ง เพื่อกำจัดความเสี่ยงในการพัฒนาไปสู่มะเร็งเต็มขั้น เนื่องจากเธอมียีนผิดปกติที่ทำให้เสี่ยงกับโรคมะเร็งนี้ถึง 87%

           การวิจัยของดอกเตอร์อิงเบอร์ ได้ทำการติดตามยีนเร่งการพัฒนาของเซลล์มะเร็งในระยะแรกเริ่ม และได้ยาคิดค้นยาต้านมะเร็ง ซึ่งมีส่วนประกอบหลักคือสารเลียนแบบ RNA ฉีดเข้าไปคล้ายการฉีดวัคซีน จะเข้าไปแทรกแซงการทำงานของยีนที่ผิดปกตินั้น ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็งเต้านมได้ โดยได้ทำการฉีดให้หนูที่ใช้ในการทดลอง ปรากฏว่า 3 ใน 4 หรือ 75% ของหนูทั้งหมดมีสุขภาพแข็งแรงปกติดี ไม่มีอาการของโรคมะเร็งเต้านมแต่อย่างใด นับว่าเป็นความสำเร็จในระดับที่น่าพึงพอใจมาก

           อย่างไรก็ดี ยาดังกล่าวยังป้องกันได้เฉพาะโรคมะเร็งเต้านมชนิด DCIS เท่านั้น และมันต้องได้รับการศึกษาและพัฒนาอีกมาก เพื่อจะนำมาใช้กับมนุษย์ได้ แต่ก็นับว่ามันเป็นความหวังสำคัญที่จะปกป้องผู้หญิงจากโรคมะเร็งเต้านม คุณผู้หญิงอาจไม่ต้องผ่่ตัดเต้านมทิ้ง เหมือนแองเจลินา โจลี เพียงฉีดยาต้านมะเร็งทุก ๆ 6 เดือน เพื่อสกัดการทำงานของเซลล์กระตุ้น ก็จะหายห่วงเรื่อง DCIS ได้เลย